สถิติ
เปิดเมื่อ1/06/2015
อัพเดท10/07/2015
ผู้เข้าชม6964
แสดงหน้า8320
ปฎิทิน
March 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
      
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
     




สถานที่ท่องเที่ยว (เข้าชม 786 ครั้ง)
 

น้ำพุร้อนเค็ม คลองท่อม กระบี่
หากคุณคืออีกคนที่ชื่นชอบการอาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน แน่นอนว่าคงน่าเสียดายเอามากๆ ถ้าพลาดโอกาสมาเยือน บ่อน้ำพุร้อนเค็ม หรือที่รู้จักกันในชื่อ บ่อน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม แหล่งท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงและน่ามาเยือนมากแห่งหนึ่งของตำบลห้วยน้ำขาว อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ (ไม่ใช่ที่เดียวกับ สระมรกต – น้ำตกร้อนนะ อันนี้คนละฝั่งกันเลย แต่อยู่ในเขต อ.คลองท่อมเช่นเดียวกัน)

น้ำพุร้อนเค็ม ห้วยน้ำขาว ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ต.ห้วยน้ำขาว อ.คลองท่อม จังหวัดกระบี่ ชาวบ้านเรียกว่าน้ำพุร้อนเค็มบ้านห้วยน้ำขาว มีลักษณะเป็นบ่อน้ำผุดมาจากชั้นใต้ดินตามธรรมชาติ สาเหตุที่มีรสชาติเค็มนั้นเกิดจากการผสมกันของน้ำร้อนและน้ำทะเลในระดับลึกก่อนโพล่พ้นพื้นดิน เกิดเป็นน้ำพุร้อน จัดอยู่ในประเภทน้ำพุร้อนเกลือ (salt spring) ในบริเวณรอบๆ น้ำพุร้อนเค็ม หรือ บ่อน้ำพุร้อนเกลือ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนตามธรรมชาติ มีบ่อน้ำพุร้อนเค็มกระจายอยู่รอบบริเวณพื้นที่ จำนวน 14 บ่อ

สำหรับความมหัศจรรย์ของบ่อน้ำพุร้อนเค็มนั้นอยู่ที่อุณหภูมิของน้ำในบ่อไม่ร้อนมากจนเกินไป มีอุณหภูมิสูงประมาณ 40-47 องศาเซลเซียส ลักษณะน้ำใสสะอาดสะท้อนกับท้องฟ้าเป็นสีมรกตสวยงาม ภายในมีศาลานวดแผนไทยและเส้นทางเดินชมศึกธรรมชาติป่าชายเลน นับเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชอบการผ่อนคลายด้วยสปาธรรมชาติแบบนี้ เหมาะสำหรับการอาบชำระร่างกายแบบ บรรเทาการปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อต่างๆ เพื่อกระตุ้นให้มีการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น หรือช่วยผ่อนคลาย เพื่อรักษาสุขภาพโดยวิธีธาราบำบัดแบบธรรมชาติ

บ่อน้ำพุร้อนเค็ม หรือ บ่อน้ำพุร้อนเกลือ

นักท่องเที่ยวรวมทั้งคนในพื้นที่ต่างนิยมที่จะมาแช่น้ำ เพราะมีความเชื่อว่าสามารถรักษาโรค เช่น โรคเบาหวาน โรคปวดเมื่อยตามข้อกระดูก โรคไหลเวียนโลหิต โรคผดผื่นคัน รวมทั้งมีบ่อโคลนอีก 1 บ่อ ซึ่งสามารถนำมาพอกหน้า พอกตัวรักษาสิว ฝ้า และโรคผิวหนังได้ แต่ระยะหลังกลับเงียบหายไปเนื่องจากการคมนาคมไม่สะดวก ถนนทางเข้าหมู่บ้านจนถึงบ่อน้ำพุร้อนเค็มยังคงเป็นป่า และต้องเดินด้วยเท้า

ต่อมาประมาณปี 2544 ทางจังหวัดกระบี่ก็ได้มีการผลักดันให้บ่อน้ำพุร้อนเค็มแห่งนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแบบ “สปา” และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะยกระดับให้เป็น 1 ของเอเซีย ล่าสุดเมื่อปี 2547 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ว่าจ้างบริษัทวิศวกรรม สุวรรณภูมิ เพื่อเข้ามาศึกษาความเป็นไปได้ ในการพัฒนาบ่อน้ำพุร้อนเค็มแห่งนี้ให้เป็น “สปา” ระดับเอเซีย

ข้อควรปฏิบัติในการแช่น้ำพุร้อนเค็ม

อาบน้ำชำระร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดก่อนลงแช่
การลงแช่น้ำพุร้อนเค็มครั้งแรก ให้เริ่มโดยการแช่ขาทั้งสองข้างไปก่อน และใช้น้ำลูบแขน ลำตัว เพื่อให้ร่างกายปรับอุณหภูมิ ประมาณ 3 นาที
ลดระดับตัวลงในน้ำอยู่ระดับเอว รอให้ร่างกายปรับอุณหภูมิประมาณ 2-3 นาที จึงค่อยแช่น้ำในระดับหน้าอก โดยแช่น้ำพุร้อนเค็มรอบละไม่เกิน 10-15 นาที
หลังแช่น้ำพุร้อนเค็ม ควรนั่งพักประมาณ 5 นาที ดื่มน้ำสะอาดเพื่อชดเชยการเสียเหงื่อ
ขณะใช้บริการ ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น หน้ามืด ใจสั่น วิงเวียนศีรษะ ให้รีบขึ้นจากบ่อทันทีพร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบ
ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน ควรแจ้ง หรือปรึกษาเจ้าหน้าที่ก่อนลงแช่น้ำพุร้อนเค็ม
การเดินทางไปยังน้ำพุร้อนเค็ม :

โดยรถจากตัวเมืองกระบี่ มุ่งสู่ทางหลวงหมายเลข 4 เส้นทางกระบี่ – ตรัง ผ่านสนามบินกระบี่ อ.เหนือคลอง ใช้เวลาเดินทาง 44 กิโลเมตร ถึง อ.คลองท่อม เลี่ยวเข้าเส้นทางสายชุมชน บ้านใต้ – บ้านน้ำร้อน ประมาณ 6 กิโลเมตร ถึงทางแยก เลี้ยวซ้าย เข้าถนนหมู่บ้าน ท่าประดู่ ประมาณ 2.5 กิโลเมตร

ค่าบริการเข้าบ่อน้ำพุร้อนเค็มคลองท่อม

คนไทย 20 บาท
คนต่างชาติ 100 บาท
 


 

ร้อนๆก็ต้องทะเล ดำน้ำที่เกาะไก่ กระบี่

เกาะไก่ อยู่ในทะเลกระบี่หน้าอ่าวนาง ห่างจากฝั่งประมาณ 8 กิโลเมตร อยู่ใกล้ๆ กับเกาะปอดะห่างไปทางทิศใต้เล็กน้อย เกาะไก่เป็นหนึ่งในสามเกาะที่ทำให้เกิดสันทรายที่เราเรียกว่า 'ทะเลแหวก ' สันหทรายด้านทิศตะวันตกที่มีสันฐานมาจากเกาะใหญ่นั่นคือเกาะไก่

ที่เรียกว่าเกาะไกก็เพราะว่าทางด้านปลายสุดของเกาะมีหินแหลมๆ เมื่อมองขึ้นไปแล้วคล้ายคอไก่ บ้างก็ว่าคล้ายๆ ไก่งวง จะคล้ายอะไรก็แล้วแต่คนมองจะจินตนาการไปกัน

จุดดำน้ำชมปะการังด้านหลังเกาะไก่

จุดขายของเกาะไก่ก็คือหินรูปคอไก่นี่แหล่ะที่คนนิยมไปชมกัน แต่อย่าเพิ่งคิดว่า เอ... แค่หินคอไก่อันเดียวทำไมต้องมัวเสียเวลานั่งเรือไปชมกันด้วย ฟังเหตุผลแล้วจะถึงบางอ้อร้องอ๋อเข้าใจดี เกาะไก่คือส่วนหนึ่งของทะเลแหวก อยู่ใกล้กับเกาะปอดะ เป็นทางผ่านของเรือที่พานักท่องเที่ยวไปท่องทะเลกระบี่ แล้วอีกอย่างทะเลแหวกนั้นบางครั้งมันไม่แหวก สาเหตุที่มันไม่ยอมแหวกก็เพราะน้ำยังไม่ลด ครั้นเรือท่องเที่ยวจะพานักท่องเที่ยวนั่งรอก็ใช่ที่ ดังนั้นจึงต้องพานักท่องเที่ยวไปดำน้ำชมปะการังเพื่อรอเวลาให้ทะเลแหวก จุดที่ดำน้ำใกล้ๆ ของย่านนี้มีอยู่จุดเดียวคือด้านหลังเกาะไก่ เมื่อเสร็จจากกิจกรรมดำน้ำ เรือก็ต้องวิ่งอ้อมมาทะเลแหวกซึ่งก็ต้องอ้อมหินคอไก่อันนี้แหล่ะ ดังนั้นการไปเที่ยวเกาะไก่จึงเป็นโปรแกรมตามน้ำแบบว่าผ่านๆ ไปก็ชมซะหน่อยประมาณนั้น

 



ท่าปอม คลองสองน้ำ
ท่าปอม คลองสองน้ำ ตั้งอยุ่ที่ ต.เขาคราม อ. เมือง อยุ่ในความดูแลของ อบต.เขาคราม เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยาเพื่อเรียนรู้ ความสมบูรณ์ของธรรมชาติทั้งในแง่ของทางน้ำใต้ดินและพืชพรรณที่สามารถเติบโตได้ทั้งในน้ำและบนดิน คลองสองสายน้ำมีลักษณะ พิเศษ ของระบบนิเวศ ที่ในช่วงขึ้น 12 ค่ำไปจนถึง แรม 5 ค่ำที่ น้ำทะเลหนุนขึ้นสูงซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เรียกกันว่า“น้ำใหญ่”นั้นน้ำทะเลจะ หนุนสูงลึกเข้ามาใน คลองท่าปอม ถึง ศาลาเล่นน้ำและผสมกับน้ำจืดในคลองท่าปอมกลายเป็นคลองน้ำกร่อยที่มีสีฟ้าค่อน ข้างขุ่นแต่ว่า ก็เป็นช่วงเวลาไม่นานหลังจากนั้นน้ำทะเลก็จะลงและถูกแทนที่ด้วยน้ำจืดใสแจ๋วมองเห็นเป็นสีเขียวซึ่งเกิดจากการที่ลำธารสายนมีต้นกำเนิด จากเขาหินปูนที่มีี้สารแคลเซียมคาร์บอเนตที่มีคุณสมบัติในการจับตะกอนและสารแขวนลอยให้จมตัวเมื่อสายน้ำไหลผ่านหินปูน เจ้าสารตัวนี้จะละลายปนมาพร้อมกับจับสารแขวนลอยไหลไปจมตัวในน้ำนิ่งน้ำในลำ คลองท่าปอม จึงใสไหลเย็นมองเห็น ตัวปลา และพืชใต้น้ำได้อย่างชัดเจน


ท่าปอม คลองสองน้ำ 

ยามที่สายน้ำจืดที่ใสแจ๋วแหววต้องแสงแดด จะส่งประกายระยิบระยับราวแก้วผลึก เป็นช่วงที่เหมาะกับการเดินชม ท่าปอม มากที่สุด โดยบางช่วงใต้ท้องน้ำจะงดงามด้วยสีเขียวสดจากพืชใต้น้ำที่มองเห็น ได้อย่างถนัดตาส่วน บางช่วงก็ดูเพลินตาด้วยฝูงปลาที่แหวกว่าย ทวนสายน้ำที่ไหลเอื่อยๆ โดยความงามของทั้งสายน้ำจืดและ สายน้ำ กร่อยนั้นสามารถ เดินชมความงามได้ในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ทาง อบต.เขาคราม สร้างขึ้นเป็นวงรอบ ในระยะ ทาง 700 เมตรซึ่งนอกจากคลองสองน้ำแล้ว ป่าท่าปอมก็ยังมีป่าธรรมชาติถึง 3 ป่าให้เลือกชม ในเส้นทางเดิน ศึกษาธรรมชาติโดยไม่ต้องเดินลุยเข้ารกเข้าป่าแต่ประการใด
ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ 
สำหรับป่าชนิดไหนมีลักษณะอย่างไรว่าหากมาเดินในเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ป่าท่าปอมสังเกตไม่ยากเนื่องจาก ป่าแต่ละประเภทต่าง ก็มีลักษณะเด่นแตกต่างกันออกไปโดย ป่าชายเลนจะเห็นเป็นจุดแรกตั้งแต่ก่อน เข้าสู่เส้นทาง เดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งจะเห็นรากของ ต้นโกงกางที่เป็นดังพระเอกของป่าชายเลน ขึ้นโชว์รากระโยงรยางค์อยู่ ทั่วไปเมื่อเดินไปทางขวาบนสะพานประมาณ 20 เมตร ก็จะได้เห็น ป่าพรุน้ำจืด ที่เป็นป่าหาดูได้ยาก โดยป่าพรุ ท่าปอมมีลักษณะต่างจากป่าพรุทั่วไป คือเป็นป่าพรุบนดอนที่น้ำไม่ท่วมขัง เหมือนป่าพรุอื่นๆ แต่ว่าใครอย่า เผลอ ลงไปเดินในป่าพรุเข้าให้หละ เพราะดินแฉะๆที่ดูไม่น่าลึกไหร่ แต่ว่าหากลงไปเดินก็จะจมไปครึ่งค่อนตัวทีเดียว ซึ่ง ทางที่ดีควรเดินชมเสน่ห์จะไม่มีของป่าพรุบนสะพาน ดีที่สุด สำหรับพืชพันธุ์ที่เด่น แห่งป่าพรุท่าปอมก็คง อะไรเกิน ตังหนใบเล็ก (วงศ์ GUTTIFERAE) ไม้ยืนต้นขนาดกลาง ที่มีรากรูปร่างพิลึก คือเป็นรากที่ดูคล้ายหัวเขาที่งอพับโผล่พ้นพื้นดินขึ้น มาประมาณ 20 ซ.ม.ดู แปลกตาน่ามองจากป่าพรุเมื่อเดินผ่านบรรยากาศอันชวนมอง ก็จะเข้าสู่บรรยากาศของ ป่าดิบชื้น ที่ลักษณะของป่านี้ก็สังเกตไม่ยาก เพราะ 2 ป่าที่ผ่านมาจะเป็นป่าที่ส่วน มาก เป็นต้นไม้เล็กๆและเป็นป่าโปร่ง แต่ว่าพอเข้าเขตป่าดิบชื้นจะสัมผัสได้ถึงต้นไม้อันร่ม ครึ้มที่เต็มไปด้วย ไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่
ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ 
เสน่ห์ของ ท่าปอม อีกอย่างหนึ่งคือ รากไม้ให้ชวนมองอยู่ทั่วไปตามริมตลิ่งสองฝั่งคลองโดยรากของต้นไม้หลาย ประเภทจะปรับตัว ด้วยการโผล่รากขึ้นมาหายใจ ในลักษณะเลาะเลี้ยวเคี้ยวโค้งเกี่ยวกวัดรัดกันไปมา ดูสวยงาม แปลกตาน่ามอง โดยรากของตนไม้ที่พบมาก ก็เห็นจะหนีไม่พ้นรากของต้นชมพู่น้ำซึ่งต้นไม้ชนิดนี้ใช่แค่มีรากที่มีเสน่ห์ แต่ว่า ยามที่ชมพู่น้ำออกดอกก็มีเสน่ห์ไม่แพ้กัน เพราะว่าดอก ของชมพู่น้ำที่มีช่อสั้นๆมีเกสร ตัวผู้ สีขาวนวลดูเล็กฝอยฟูฟ่องนั้นงามไม่เบาทีเดียวโดยเพาะยามที่ดอกชมพู่น้ำร่วง หล่นลงไปลอย ในสายน้ำดูพลิ้วไหว นั้นน่าชมมากๆและพวกรากไม้ต่างๆนี่แหละที่ถือเป็นจุดเกาะยึดอย่างดีของคนที่ลงไปเล่นน้ำ ซึ่งทางอบต.เขาคราม เปิดบางช่วงให้นักท่องเที่ยวลงไปแหวกว่ายเล่นน้ำได้ แต่ว่าต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ส่วนใครที่อยากสัมผัสกับ ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งป่าท่าปอมในความรู้สึกที่แตกต่างไปจากการเดิน ชมบนสะพาน ก็สามารถพายเรือแคนูชมความงาม ของคลองสองน้ำและป่าท่าปอมได้

รากไม้คดเคี้ยวไปตามลำน้ำ

ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ 
ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ 
นอกจากนี้ที่ป่าท่าปอมยังมีแก่งหินที่สีเหลืองคล้ายมัสตาร์ดที่เป็นความมหัศจรรย์ธรรมชาติอย่างหนึ่ง โดยแก่ง หินเหลืองนี้เกิดจาก หินดินดานทำปฏิกิริยากับอากาศจนเกิดเป็นโขดหินสีเหลืองทั่วไปในลำน้ำ เรียกได้ว่าในผืนป่า ท่าปอมนี่มีธรรมชาติที่ชวนให้อัศจรรย์ใจ อยู่มากหลายซึ่งคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผืนป่าท่าปอมคง ความมหัศจรรย์ มาถึง ทุกวันนี้ก็เพราะเรื่องราวตำนานอาถรรพ์ของผืนป่าแห่งนี้
แก่งหินที่สีเหลือง
ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ 
ในอดีตย้อนไปเมื่อ 130 กว่าปีที่ผ่านมาป่าท่าปอมนับเป็นดินแดนอาถรรพ์น่ากลัวที่ไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าไป แต่เมื่อ“โต๊ะปอม” “โต๊ะหมัน” และ “นายกาแมะ”ผู้เก่งกล้าในวิชาอาคมได้มาบุกเบิกและอาศัยอยู่ที่ผืนป่า ท่าปอม ซึ่งชาวบ้านที่อาศัยรุ่นต่อๆมา ต่างก็เล่ากันว่ามักจะพบ จระเข้ขาวปรากฏตัวอยู่เสมอในแอ่งน้ำของป่าท่าปอมพวกเขา เชื่อกันว่าจระเข้ขาวคือเจ้าที่ผู้มาปกปักรักษาป่าผืนนี้ให้คง ความอุดมสมบูรณ์สมัยก่อนชาวบ้านจะไม่ลงเล่นน้ำใน วันเสาร์และอังคารเด็ดขาดเนื่องจากเชื่อว่าจะทำให้เกิดอาเพศต่างๆ ส่วนชาวชุมชน ก็ได้อาศัยสายน้ำเป็น เส้นทาง ออกหาปูปลาในทะเลนับจากอดีตเรื่อยมาถึงปัจจุบันโดยส่วนใหญ่ก็จะกลับเข้าฝั่งมา ด้วยปูปลาที่เต็มลำ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท้องน้ำ ในแถบนั้นยังคงความอุดมสมบูรณ์อยู่มากหลังจากที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ยกให้ป่าท่าปอม เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวอันซีนไทยแลนด์ก็ทำให้มีคนแวะเวียนมาเที่ยวป่าท่าปอมกันไม่ได้ขาด ท่าปอม คลองสองน้ำสามารถเที่ยวชม คลองสองน้ำ ได้ตลอดทั้งปี ควรเที่ยวชมในเวลาที่น้ำลงน้ำจะสวยใสมาก
ท่าปอม คลองสองน้ำ ท่าปอม คลองสองน้ำ 
รายละเอียดเพิ่มเติม
ค่าเข้าชม
คนไทย ผู้ใหญ่ 10 บาท เด็ก 5 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก 30 บาท ค่าเช่าเรือแคนู ชั่วโมงละ 100 บาท วันละ 700 บาท สอบถามเพื่มเติม อบต.เขาคราม โทร. 0 7569 4198, 07569 4165 หรือ ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยว จังหวัดกระบี่ โทร. 0 7562 2163
การ เดินทางไปท่าปอม คลองสองน้ำ
จากตัวเมืองกระบี่ไปตามทางหลวงหมายเลข 4 ทางไป อ.อ่าวลึก ประมาณ 22 กม. เมื่อถึงบ้านทุ่ง ซ้ายมือจะมีป้าย บอกทางไปป่าท่าปอมคลองสองน้ำให้เลี้ยวซ้ายไปประมาณ 5 กม. ก็จะถึงลานจอดรถ ที่มีสวนปาล์มอยู่ขวามือ เสียค่าจอดรถ รถเก๋ง รถตู้ รถกระบะ 20 บาท รถบัส 100 บาท มอเตอร์ไซค์ จักรยาน 10 บาท
 

 หาดคลองม่วง กระบี่

หาดคลองม่วง หากจะบอกว่าที่ หาดคลองม่วง มีอะไรดีไปกว่าหาดที่อื่น ก็จะได้รับคำตอบกันตรงไปตรงมาว่า ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากหาดทรายขาวทั่วไปในแถบทะเลอันดามัน แม้ว่าผืนทรายจะไม่ละเอียดขาวเหมือนกับแหล่งท่องเที่ยวตามเกาะแก่งต่างๆ ที่พบได้ทั่วไปในภาคใต้ โดยเฉพาะเมื่อคุณมาเที่ยวกระบี่

คลองม่วง กระบี่

แต่ ทะเลคลองม่วง จะเป็นสถานที่อันเงียบสงบและร่มรื่นเหมาะแก่การนั่งกินลมชมวิวทะเลมากที่สุด นอกจากนี้ยังมีหลายแห่งเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจ เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาเหล่านักตกปลา และตั้งแคมป์ เพราะเมื่อช่วงพระอาทิตย์อัสดง จะมีทัศนียภาพที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว หากถามต่อว่า ใครที่เหมาะจะมาเที่ยวหาดคลองม่วง ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เจาะจงกันมา
แต่รู้หรือไม่ว่า สิ่งที่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางนี่แหละ คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของหาดคลองม่วง จังหวัดกระบี่แห่งนี้ นี่เอง…

ก่อนจะถึง คลองม่วง กระบี่

จะไปคลองม่วงยังไงก็ต้องผ่าน บ้านหนองทะเล ยกเว้นคุณจะลัดไปเที่ยวยังอ่าวพระนางและหาทางลัดไปยังคลองม่วงได้โดยไม่ผ่านทางนี้ แต่หากต้องการวิวทิวทัศน์อันสวยงาม ที่สองข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้และป่าเขา จงมาตามเส้นทางผ่านบ้านหนองทะเล แล้วเลี้ยวซ้ายไปหาดคลองม่วงกันเลย

มาคลองม่วง ได้เที่ยวหลายแห่งพร้อมกัน

เส้นทางบังคับหากจะแวะไปยังบ้าน คลองม่วง กระบี่ อย่างแรกสุดคุณต้องเข้านมัสการ ทวดนาค ที่สำนักสงฆ์บ้านคลองม่วง จุดนี้จะถึงก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นวิ่งมาตามทางไปจนถึง 3 แยกคลองม่วงเป็นจุดตั้งต้นการสัมผัสธรรมชาติของคุณ
 



หาดนพรัตน์ธารา กระบี่

หาดนพรัตน์ธารา ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี เป็นท่าเรือศูนย์กลางไปเที่ยวตามเกาะ ต่างๆ ของกระบี่ เดิมชาวบ้านเรียกว่า 'หาดคลองแห้ง' เพราะช่วง น้ำลง น้ำคลองที่ไหลมาจากภูเขาทางด้านเหนือจะแห้งขอด กลาย เป็นหาดทรายขาวเหยียดทอดลงไปในทะเล บรรจบกับ เกาะเขาปากคลอง บริเวณหาดเป็นทรายละเอียดปะปนด้วยเปลือกหอยเล็กๆ ประดับด้วยทิวสนเรียงรายตามชายหาดทะเล มองออก ไปในพื้นน้ำมีทิวทัศน์ของเกาะแก่ง ช่วงน้ำลงจนแห้งสามารถเดินไป ยัง เกาะเล็กๆ บริเวณหน้าชายหาดได้ เหมาะสมสำหรับ การพัก ผ่อนหย่อนใจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้หาดนพรัตน์ธารายังเป็นแหล่งที่ อยู่อาศัยของหอยชักตีนที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง อยู่ห่าง จากจังหวัดกระบี่ เพียง 17 กิโลเมตร เท่านั้น

หาดนพรัตน์ธารา
หาดนพรัตน์ธารา เป็นหาดซึ่งที่เป็นที่ทำการของ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งมีบ้านพักของอุทยาน ให้บริการ นักท่องเที่ยว และเป็นจุดให้บริการเรือหางยาวท่องเที่ยวเกาะต่างๆในกระบี่

 


 

ทะเลแหวก หรืออีกนัยหนึ่งคือ สันทรายโผล่เพราะน้ำลด   ทะเลแหวกเกิดจากสันทรายจากเกาะสามเกะคือเกาะไก่ ( ภาพซ้ายเกาะใหญ่ล่างสุด ) เกาะหม้อ และ เกาะทับ  ( เกาะเล็กๆ สองเกาะกลางภาพ ) ทั้งสามเกาะนี้ตั้งอยู่ใกล้ๆ มีสันฐาณติดกันเมื่อคลื่นพัดทรายมาพบกันที่จุดนี้จึงทำให้เกิดเป็นแนวสันทรายเชื่อมเกาะทั้งสามเกาะนี้ให้ถึงกัน สันทรายนี้จะจมหายไปเมื่อน้ำขึ้นสูง  เมื่อน้ำลดแนวสันทรายก็จะค่อยๆ โผล่ขึ้นมาเหมือนกับว่าแบ่งทะเลให้แยกออกกันเป็นสามส่วน ( เกาะใหญ่ที่อยู่ถัดออกไปคือเกาะปอดะ )

สันทรายจะโผล่ในช่วงที่น้ำทะเลลดต่ำสุด แต่ถึงแม้ว่าสันทรายจะไม่โผล่เราก็สามารถเดินเล่นได้ หาดทรายของทะเลแหวกนี้ขาวสะอาดน่าเล่นน้ำ ทุกครั้งที่น้ำท่วมสันทรายก็เหมือนเป็นการทำความสะอาดหาดทรายไปในตัว ขยะหรือเศษไม้ต่างๆ คลื่นซัดมาติดชายหาดก็จะหายไปตามคลื่นเมื่อน้ำขึ้น

ทะเลแหวก ควรมาชมในช่วงเวลาน้ำลงต่ำสุดในแต่ละวัน โดยเฉพาะในวันก่อน และหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวทะเลแหวกคือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ถึง ต้นพฤษภาคม

จุดเด่น ของการเที่ยวชมทะเลจะแหวกคือการมาชมวิว เล่นน้ำ ชมปลา ถ่ายภาพ ควรหลีกเลี่ยงการมาเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาล ทะเลแหวกจะมีคนเยอะเดินกันจนแน่นไปหมด  ถ้าจะมาชมทะเลแหวกให้ประทับใจควรเลือกมาในช่วงวันหยุดธรรมดาๆ  นอกจากชมวิวถ่ายภาพทะเลแหวกแล้วที่นี่ยังเป็นอีกชายหาดหนึ่งที่น่าลงเล่นน้ำ เพราะมีแนวหาดทรายกว้าง น้ำใส ปลาเยอะ แต่ถ้าจะมาเล่นน้ำก็แนะนำให้มาในช่วงวันหยุดธรรมดา ( เสาร์-อาทิตย์ ) หากมาวันหยุดเทศกาลคนเยอะมาก

สิ่งอำนวยความสะดวก ไม่มี

 

 

ทะเลแหวก ทำไมจึงแหวก ทะเลแหวกเกิดน้ำทะเลลดระดับเมื่อน้ำลง น้ำทะเลขึ้นลงตลอดเวลาทั้งวันทุกวัน วันละ 2 รอบ ในช่วงน้ำขึ้นทำให้ระดับผิวน้ำทะเลสูงขึ้นจึงท่วมสันทรายเราจึงไม่เห็นสันทรายที่เชื่อมระหว่างเกาะ เมื่อน้ำลงระดับผิวน้ำทะเลก็จะลดลงต่ำกว่าสันทรายทำให้เรามองเห็นสันทรายโผล่ขึ้นมาจากทะเล เหมือนกับว่าสันทรายนั้นแหวกทะเลขึ้นมา แต่จริงๆ สันทรายไม่ได้ทำอะไร สันทรายอยู่เฉยๆ น้ำทะเลต่างหากที่ลดลงหรือเพิ่มขึ้นในแต่ละช่วงเวลา

 

จากภาพแสดงระดับน้ำขึ้นน้ำลงจะเห็นว่าระดับน้ำขึ้นสูงสุดคือตอน 04.00 น. และสูงสุดอีกครั้งประมาณเกือบ 6 โมงเย็น ระดับน้ำต่ำสุดในช่วงกลางวันประมาณ 11 โมงกว่า และจะลงต่ำสุดอีกครั้งประมาณ 5 ทุ่ม เมื่อสังเกตุตัวเลขระดับน้ำจะเห็นว่าน้ำขึ้นสูงสุดเกือบ 2.5 เมตร น้ำสุดเกือบ 1.5 เมตร เมื่อน้ำลงต่ำสุดระดับน้ำจะลดลงประมาณ 1 เมตร ทำให้เราเห็นสันทรายโผล่ หรือเกือบจะโผล่ในช่วงเวลาที่น้ำลงในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับว่าวันนั้นน้ำลงต่ำสุดเวลาไหน

การเดินทาง

ทะเลแหวก ไม่มีเรือโดยสาร การมาเที่ยวเกาะห้องต้องเช่าเรือมา มีทั้งเรือหางยาว และเรือ Speedboat ราคาขึ้นลงตามราคาน้ำมัน ราคาชัวร์ๆ สอบถามได้ที่ท่าเรืออ่าวนาง ประหยัดและสะดวกสำหรับคณะที่มากันเป็นหมู่คณะ

หรืออีกแบบหนึ่งคือ เที่ยวโดยซื้อแพคเก็จทัวร์ สะดวกสบายไม่ต้องวางแผนมาก ทัวร์มีบริการรับส่งจากโรงแรมที่พักหรือรับจากสถานีขนส่งกระบี่พามาลงเรือ พาเที่ยวตามโปรแกรมทัวร์ จบทริปพาส่งกลับโรงแรมที่พัก โปรแกรมทัวร์เที่ยวชมทะเลแหวกนี้เรียกว่าทัวร์กระบี่ 4 เกาะ พาเที่ยว 4 จุดไฮไลท์ของกระบี่ได้แก่ ทะเลแหวก เกาะปอดะ เกาะไก่ ถ้ำพระนาง  ทัวร์ออกทุกวันกี่ท่านก็มาได้

 


เกาะปอดะ เกาะสวยแห่งทะเลกระบี่ 
เกาะปอดะ เกาะสวยแห่งทะเลกระบี่ เป็นเกาะเอกชนที่ยังคงความงดงาม เป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการเที่ยวทะเล กระบี่เกาะปอดะ ตั้งอยู่ในทะเลด้านหน้าอ่างนาง อยู่ห่างจากฝั่งอ่าวนางประมาณ 8 กิโลเมตรหาก ยืนอยู่ริมหาดที่ อ่าวนางหรือ หาดพนรัตน์ธารา แล้วมองออกไปในทะเลจะเห็นหมู่เกาะเล็กใหญ่กระจุกตัวอยู่ ในบริวณใกล้ๆ กัน เกาะใหญ่ที่สุดในนั้นคือเกาะปอดะ เกาะใกล้ๆ กันได้แก่เกาะทับ เกาะหม้อ เกาะไก่ ซึ่งเป็น 4 เกาะไฮไลท์สำหรับ การท่องทะเลกระบี่
เกาะปอดะ 
เกาะปอดะ มีชายหาดล้อมรอบทั้งสามด้านยกเว้นทางด้านทิศตะวันตกซึ่งเป็นด้านที่รับคลื่นด้านนี้เป็นหน้าผาหิน สูง ชันชาดหาด ด้านหน้าเกาะหาดทรายที่ขาวละเอียด น้ำทะเลใสถึงแม้จะอยู่ไม่ไกลจากฝั่ง นักท่องเที่ยว นิยม แวะ ขึ้นเกาะเพื่อไปพักผ่อน เดินเล่นชาดหาดและเล่นน้ำ ถึงแม้เกาะนี้จะเป็นเกาะ เอกชนแต่เป็นเอกชน ใจดีไม่เก็บ ค่าธรรมเนียมค่าขึ้นเกาะ ดังนั้น นักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปเที่ยวจึงควรช่วยกันรักษาความสะอาด
เกาะปอดะ เกาะปอดะ
จากนั้นก็จบด้วยเกาะปอดะ เกาะที่มีหาดทรายขาวละเอียด นุ่มเท้า น้ำทะเลสีฟ้าใส เกาะปอดะเหมาะกับ การมา เที่ยวพักผ่อนและเล่นน้ำซะมากกว่าที่จะมาดำน้ำชมปะการัง เพราะในย่านนี้ไม่ค่อยมีที่พอมีก็ไม่สวยทะเลกระบี่ เหมาะกับการมาท่องเที่ยวพักผ่อนชมวิว เล่นน้ำการมาชมทะเลแหวก ควรมาชมในช่วงเวลาน้ำลงต่ำสุด ในแต่ละวัน โดยเฉพาะ ในวันก่อน และหลังวันขึ้น 15 ค่ำ ราว 5 วัน ช่วงเวลาที่เหมาะกับการเที่ยวทะเลแหวกคือ ตั้งแต่ เดือนพฤศจิกายน ถึง ต้นพฤษภาคม

เกาะปอดะ เกาะปอดะ
บนเกาะเป็นที่ต้องของปอดะ ไอร์แลนด์ รีสอร์ท มีที่พักไว้บริการให้แก่นักท่องเที่ยวที่สนใจขึ้นไปพักบนเกาะ นอก จากที่พักแล้วบนเกาะยังมีร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยว ท่องเที่ยวชายหาด บริเวณหาดด้านหน้ามีชายหาด เป็น แนวยาวเหมาะแก่การเล่นน้ำชาดหาด ด้านซ้ายเป็นอีกจุดที่น่าพักผ่อนเพราะเงียบสงบคนน้อย หาดด้านขวา หรือ ทิศเหนือของเกาะไม่เหมาะที่จะพักผ่อนเล่นน้ำเพราะเป็นจุดจอดเรือหางยาวและใกล้ทางเข้าร้านอาหารผู้คน พลุกพล่านพอสมควร กิจกรรมดำน้ำชมปะการัง หาดด้านหน้ามีแต่พื้นทรายไม่มีแนวปะการัง หาดด้านทิศใต้เป็น แนวสันทรายไม่มีแนวปะการังจุดดำน้ำชมปะการังของเกาะปอดะอยู่บริเวณทิศเหนือในจุดที่มีลูกลอยสีส้มล้อมไว้ แต่เกาะปอดะเหมาะกับการมาเที่ยวพักผ่อนและเล่นน้ำซะมากกว่าที่จะมาดำน้ำชมปะการัง เพราะปะการังใน ย่านนี้ไม่ค่อยมีที่พอมีก็ไม่สวย ทะเลกระบี่เหมาะกับการมาท่องเที่ยวพักผ่อนชมวิว เล่นน้ำ

 


 

อ่าวถ้ำพระนาง

อ่าวถ้ำพระนาง : เรื่องเล่าพื้นบ้าน ตำนานเก่าแก่ และนิทานปรัมปรา คือ สิ่งที่อยู่คู่กับมนุษยชาติมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ บ้างก็เจือแฝงไว้ด้วยคติสอนใจ ภูมิปัญญาโบราณ หรือข้อเท็จจริงบางประการซึ่งเกิดขึ้นในอดีต บ้างก็เป็นเพียงเรื่องราวที่สร้างขึ้นเพื่อความสนุกสนาน ตลกขบขัน หรือบันเทิงแล้วบอกกล่าวเล่าสู่กันมาปากต่อปาก บ้างก็เป็นกลอุบายอันแยบยลซึ่งผู้เฒ่าผู้แก่เอาไว้ใช้ขู่ กำราบ ปราบความซุกซนของบุตรหลานและลูกบ้านรุ่นเยาว์ที่ไม่รู้จักเกรงกลัวให้เกิดความหวั่นหวาดขยาดแขยงต่อการกระทำผิดต่าง ๆ แต่ไม่ว่าเรื่องราวในครั้งก่อนเก่าเหล่านี้จะถูกสร้างขึ้นมาด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม มันก็เป็นสิ่งที่ช่วยแต่งแต้มสีสันและเติมเต็มบรรยากาศอันน่าหลงใหลให้กับสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องกับตำนานโบราณเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ถ้ำพระนาง” ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ คือ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งมีความเกี่ยวพันเนื่องกันกับตำนานโบราณที่กล่าวถึงเรื่องราวของความรัก การหักหลัง ความแค้นและคำสาป

เรื่องราวตามตำนานเริ่มต้นขึ้นจาก ครอบครัวตายมดึงต้องการมีลูกจึงไปวิงวอนขอให้พญานาคประทานลูกให้ พญานาคตอบตกลงแต่ก็ตั้งเงื่อนไขว่าหากครอบครัวตายมดึงมีลูกสาวจะต้องให้แต่งงานกับลูกชายของตน กาลต่อมาครอบครัวตายมดึงได้มีลูกสมความปรารถนาเป็นลูกสาวชื่อว่า “นาง” นางเติบโตขึ้นจนเกิดความรักตามประสาหนุ่มสาวกับลูกชายครอบครัวตาวาปราบชื่อว่า “บุญ” ในที่สุดครอบครัวตายมดึงและครอบครัวตาวาปราบจึงจำเป็นต้องจัดงานแต่งงานให้กับนางและบุญทั้ง ๆ ที่ไม่เต็มใจ เมื่อพญานาคได้ทราบข่าวก็โกรธแค้นที่ครอบครัวตายมดึงไม่รักษาสัญญาที่ว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของตน ในวันงานแต่งงานพญานาคจึงจำแลงกายเป็นมนุษย์เข้าอาละวาดแย่งชิงตัวนาง ฤๅษีซึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ได้ออกมาห้ามปรามแต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายฤๅษีจึงสาปทุกอย่างให้กลายเป็นหิน เรือนหอกลายเป็น “ถ้ำพระนาง” ข้าวเหนียวกวนกลายเป็น “สุสานหอย” ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ กลายเป็น “เกาะหม้อ” , “เกาะทัพ” และเกาะอื่น ๆในเขตใกล้เคียง ส่วนพญานาคได้กลายเป็น “เขาหางนาค” ในปัจจุบัน

“ถ้ำพระนาง” เป็นถ้ำตื้น ๆ เล็ก ๆ ซึ่งตั้งอยู่ริมทะเลปลายชายหาดด้านทิศใต้ของ “อ่าวถ้ำพระนาง” (ชื่อคล้ายคลึงกันกับ “อ่าวนาง” แต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวคนละแห่งนะครับ) ภายในถ้ำเป็นที่ตั้งของศาลพระนางซึ่งคนท้องถิ่นนิยมนำศิวลึงค์มาสักการบูชา ตัวโถงถ้ำมีหินงอกหินย้อยให้เห็นอยู่บ้างแต่ไม่สวยงามนัก รอบบริเวณปากถ้ำมีพ่อค้าแม่ค้ากางร่มตั้งซุ้มจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม และของที่ระลึกอยู่หลายร้าน นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมายังอ่าวแห่งนี้นอกจากจะมีโอกาสได้กราบไหว้ บูชา สักการะศาลพระนางแล้วยังจะได้นั่ง – นอนพักผ่อนบนหาดทรายสีขาวแกมน้ำตาลอ่อนที่สวยงาม และได้เล่นน้ำทะเลใสสีเขียวอมฟ้าด้านหน้าชายหาดอีกด้วย (บริเวณชายหาดอ่าวถ้ำพระนางด้านทิศเหนือจะมีความสวยงามมากกว่าชายหาดด้านทิศใต้ซึ่งถูกใช้เป็นจุดจอดเรือหางยาว กรณีที่นักท่องเที่ยวต้องการเล่นน้ำทะเลแนะนำให้เดินไปยังชายหาดด้านทิศเหนือจะดีกว่า

บรรยากาศในช่วงเวลากลางวัน ณ อ่าวถ้ำพระนางแห่งนี้จะคึกคักคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งนักท่องเที่ยวที่ซื้อตั๋วเรือเมล์มาจากสหกรณ์เรือหางยาวอ่าวนาง ,นักท่องเที่ยวที่ซื้อโปรแกรม “ทัวร์ทะเลแหวก – หมู่เกาะปอดะ – อ่าวถ้ำพระนาง” และ นักท่องเที่ยวที่เดินเท้ามาเองจากหาดไร่เลย์ แต่พอถึงช่วงเวลาเย็นเมื่อนักท่องเที่ยวเหล่านี้เริ่มทยอยกันเดินทางกลับสู่ที่พัก บรรยากาศบริเวณอ่าวถ้ำพระนางก็จะกลับเข้าสู่ความสงบงามอีกครั้ง (มีเส้นทางเดินเท้าสายเล็ก ๆ ที่เชื่อมต่อระหว่าง “หาดไร่เลย์ตะวันออก – อ่าวถ้ำพระนาง” อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของถ้ำพระนาง และจาก “หาดไร่เลย์ตะวันออก” ยังสามารถเดินต่อไปตามเส้นทางระหว่างรีสอร์ทต่าง ๆ จนถึง “หาดไร่เลย์ตะวันตก” ได้ด้วย กรณีที่หาเส้นทางเดินเท้าสายนี้ไม่เจอให้ลองสอบถามกับเจ้าหน้าที่รีสอร์ทในละแวกนั้นดูครับ)

 




สวรรค์ชั้นเจ็ด Heaven 7


เยือนสวรรค์ชั้นเจ็ด Heaven 7 ที่เที่ยวใหม่สุดไฉไลจากกระบี่

พาเที่ยว 'สวรรค์ชั้น 7' (Heaven 7) ที่เที่ยวแห่งใหม่ของกระบี่ ท่ามกลางวิวสวยแบบพาโนรามาจากเนินเขาสู่ความงามของท้องทะเลอันดามันตะวันออก ตอบโจทย์ความสนุกทั้งทะเล ภูเขา และหญ้าเขียว

เคยได้ยินแต่เพลงสวรรค์ชั้น 7 ของ เจ เจตริน วรรธนะสิน แต่เพื่อนหลายคนอาจจะไม่รู้ว่ามีสถานที่สวย ๆ แบบสวรรค์ชั้น 7 ที่บ้านเรากันด้วย กับที่นี่ 'สวรรค์ชั้นเจ็ด' (Heaven 7) สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยว ที่มาพร้อมบรรยากาศสวยอลังการด้วยที่ตั้งบนเนินเขาขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลอันดามันในจังหวัดกระบี่ได้กว้างขวางเต็มตาแบบพาโนรามากันเลยทีเดียว ส่วนบริเวณโดยรอบรายล้อมไปด้วยภูเขาหินปูนที่ปกคลุมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่หลายชนิด ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับครอบครัว, คู่รัก ที่มาเที่ยวพักผ่อน

เยือนสวรรค์ชั้นเจ็ด Heaven 7 ที่เที่ยวใหม่สุดไฉไลจากกระบี่

 

แถมภายในยังมีจุดถ่ายภาพสวย ๆ อีกมากมาย เช่น ชิงช้าสวรรค์สีสันสดใส, ตัวการ์ตูน, โซนบ้านคาวบอย, เครื่องบิน และสิ่งของจำลองขนาดใหญ่อย่างกระดานหมากรุก, เก้าอี้ผ้าใบ และมีเครื่องเล่นสไลด์เดอร์สำหรับเด็ก ๆ อีกด้วย

เยือนสวรรค์ชั้นเจ็ด Heaven 7 ที่เที่ยวใหม่สุดไฉไลจากกระบี่

นอกจากนี้แหล่งท่องเที่ยวที่มีความสวยงามดุจสวรรค์แล้ว ที่นี่ยังมีบริการร้านอาหารสวรรค์ชั้น 7 โทรศัพท์ 08 1535 4227, ร้านอาหารเดอะริธึ่ม โทรศัพท์ 08 1535 5954 รวมทั้งบริการที่พัก Deluxe Panorama Seaview และสามารถจองคอนโดที่พักที่สามารถชมวิวของท้องทะเลได้ โดยปัจจุบันมีเปิดให้เข้าชมโครงการได้เพียงบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากยังมีบางส่วนสร้างไม่แล้วเสร็จ

เยือนสวรรค์ชั้นเจ็ด Heaven 7 ที่เที่ยวใหม่สุดไฉไลจากกระบี่

เยือนสวรรค์ชั้นเจ็ด Heaven 7 ที่เที่ยวใหม่สุดไฉไลจากกระบี่

ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ ราคา 50 บาท และเด็ก ราคา 30 บาท
เวลาเปิด-ปิด : เปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-21.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-21.00 น.
ที่ตั้ง : ซอยกระบี่ 11 ตำบลไสไทย อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่
โทรศัพท์ : 08 1437 1382
เว็บไซต์ : 7heavenkrabi.com และ เฟซบุ๊ก สวรรค์ชั้นเจ็ด 7 Heaven Krabi

 


​เกาะห้อง
เกาะห้อง ตั้งอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เกาะห้อง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เกาะเหลาบิเละ เป็นเกาะที่มีทัศนียภาพ สวยงามมาก ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม มีกัลปังหาและปะการังรอบเกาะ โดยมีจุดที่น่าสนใจได้แก่ “ อ่าวบิเละ ” เป็นอ่าวที่มี หาดทรายโค้งเป็นรูปนกบิน ทรายละเอียดขาวสะอาด น้ำทะเลใส  สีเขียวมรกต มีฝูงปลาเล็กๆ แหวกว่ายให้เห็นอยู่ทั่วไป ห่างจาก ชายหาดลงไปในทะเลมีกัลปังหาและปะการังหลากชนิด ชายทะเลเหมาะแก่การเล่นน้ำ  ถือว่าเป็นแหล่งพายเรือคายัคและ แหล่งดำน้ำ ดูปะการังน้ำตื้นที่สวยงามจนได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 เกาะ ที่มีหาดน่าเที่ยวและสะอาดที่สุดในโลก

 
ลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งของ เกาะห้อง คือ อ่าวห้อง (ลากูน) หรือ ทะเลใน ซึ่งเปรียบเสมือนสระน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ผนังเป็นหน้าผาชันโดยรอบ ลักษณะคล้ายห้อง มีประตูทางเข้าเพียงทางเดียว กว้างประมาณ 10 เมตร สามารถนำเรือเข้าไปได้ พื้นเป็นทรายขาวสะอาดราบเรียบเสมอกัน น้ำตื้นและใสมาก เหมาะแก่การเล่นน้ำ และยังเป็นที่หลบคลื่นลมของชาวประมง เมื่อมีพายุพัดผ่าน

 


ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม  สามารถท่องเที่ยวได้ทั้งปีแต่ช่วงฤดูกาลที่เหมาะสม คือ กลางเดือน พ.ย. – ต้นเดือน พ.ค. (ช่วงเดือน มิ.ย. – ต.ค. เป็นช่วงฤดูมรสุมไม่เหมาะแก่การท่องเที่ยว

อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี 2/2 หมู่ที่ 2 ตำบลอ่าวลึกใต้ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ 81110  โทรศัพท์ 0-7568-1096 

วิธีที่สะดวกคือ ซื้อแพ็กเก็จทัวร์ประเภทครึ่งวันหรือเต็มวัน โดยติดต่อได้ที่รีสอร์ทที่พัก หรือบริเวณหน้าหาดอ่าว โปรแกรมทัวร์ หมู่เกาะห้อง จ.กระบี่” จะถูกจัดไว้รวมกับโปรแกรมทัวร์เกาะผักเบี้ย , เกาะลาดิง , เกาะห้อง พร้อมบริการอาหารและ เครื่องดื่ม ตลอดการเดินทาง หรือถ้ามาเป็นหมู่คณะอาจติดต่อได้โดยตรงกับเรือหางยาวที่จอดรออยู่มากมายบริเวณหน้าหาดอ่าวนาง บางลำมีบริการอาหารและเครื่องดื่มอีกด้วย

 



หาดทับแขก จ.กระบี่

หาดทับแขก จังหวัดกระบี่ (ห่างจากอ่าวนางประมาณ 17 กิโลเมตร) ติดกับหาดคลองม่วง ลักษณะของหาดทับแขกคือเป็นหาดที่เงียบสงบ หาดสวย น้ำใส เห็นวิวหมู่เกาะห้อง 13 เกาะ ที่ชาวบ้านเรียกว่าป่าเกาะซึ่งหมายถึงเกาะจำนวนมากมายทอดตัววางเรียงอยู่ด้านหน้าหาด อยู่ทางทิศตะวันตก มีเกาะยาวน้อย และเกาะยาวใหญ่ ขวางบังคลื่นลม ทำให้หาดทับแขกเป็นเหมือนหาดไร้คลื่นทะเล เรียบ ทำให้เป็นที่นิยมอาบแดดของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพราะมีความเป็นส่วนตัว

 




เกาะพีพี

เกาะพีพี : คือ ส่วนหนึ่งในตำบลอ่าวนาง จ.กระบี่ บนฝั่งทะเลอันดามัน เกาะพีพีรับอิทธิพลลมมรสุมตะวันตก ในเดือน พ.ค. ถึง พ.ย. ทุกปี ช่วงเวลาดังกล่าวจึงไม่สะดวกนักหากเราจะเดินทางไปท่องเที่ยวเกาะพีพี แต่หากวันใดไม่มีคลื่นลมแรง เราก็สามารถเดินทางไปเกาะพีพีได้ตลอด เรือโดยสารส่วนใหญ่เป็นเรือขนาดความจุ 200 ที่นั่งขึ้นไปค่อนข้างปลอดภัยในการเดินทางไปเกาะพีพี


หมู่เกาะพีพี จากคำบอกเล่า เกาะพีพีเดิมชาวทะเลเรียกหมู่เกาะนี้ว่า ปูเลาปิอาปี คำว่า ปูเลา แปลว่า เกาะ คำว่า ปิอาปี แปลว่า ต้นไม้ทะเลชนิดหนึ่งจำพวกแสม ต่อมาเรียกว่า ต้นปีปี ภายหลังกลายเสียงเป็น พีพี หมู่ เกาะพีพีประกอบด้วยเกาะ 6 เกาะ คือ เกาะพีพีดอน เกาะพีพีเล เกาะปิด๊ะนอก เกาะปิด๊ะใน เกาะยูง เกาะไม้ไผ่ เกาะพีพีอยู่ห่างจากชายฝั่งกระบี่ประมาณ 42 กิโลเมตร ลักษณะโดยทั่วไปเป็นเวิ้งอ่าวรูปครึ่งวงกลม เกาะพีพีอยู่ในวงล้อมของภูเขาหินปูนที่สูงชันจนเกือบเป็นทะเลใน หรือที่ชาวเกาะเรียกว่า ปิเละ

?เกาะพีพีดอน มีเนื้อที่ประมาณ 28 ตารางกิโลเมตร ทางเหนือของเกาะพีพีคือ แหลมตง เป็นที่ตั้งของ หมู่บ้านชาวเล ประมาณ 15-20 ครอบครัว ส่วนใหญ่อพยพมาจากเกาะลิเป๊ะ จังหวัดสตูล บริเวณแหลมตงนี้ธรรมชาติใต้ทะเลสวยงามมาก เกาะพีพีเหมาะแก่การดำน้ำเช่นเดียวกันกับที่บริเวณปลายแหลมหัวระเกด หาดยาว และหินแพ นอกจากนี้ยังมีเวิ้งอ่าวคู่ที่มีความสวยงาม เกาะพีพีติดอันดับโลกของอ่าวต้นไทร และอ่าวโละดาลัม ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานที่พักจำนวนมาก บริการแก่นักท่องเที่ยวทั่วไป

? เกาะพีพีเล  มีพื้นที่เพียง 6.6 ตารางกิโลเมตร เป็นเกาะเขาหินปูน เกาะพีพีมีหน้าผาสูงชันตั้งฉากกับพื้นผิวทะเลโดยรอบเกือบทั้งเกาะ มีพื้นน้ำลึกเฉลี่ยประมาณ 20 เมตร เกาะแห่งนี้มีเวิ้งอ่าวสวยงาม อาทิ อ่าวปิเละ อ่าวมาหยา อ่าวโละซะมะ นอกจากนี้ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือยังมี ถ้ำไวกิ้ง ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จประพาสถ้ำแห่งนี้ และทรงพระราชทานนามใหม่ว่า ถ้ำพญานาค ตามรูปร่างหินก้อนหนึ่งที่คล้ายเศียรพญานาค อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านที่เก็บรังนกนางแอ่นบนเกาะพีพีแห่งนี้ ภายในถ้ำทางทิศตะวันออกและทิศใต้พบภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ เป็นรูปช้าง และรูปเรือชนิดต่างๆ


นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางจากภูเก็ต หรือกระบี่ ไปเกาะพีพีก็ได้ ระยะทางและเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปเกาะพีพีพอๆ กัน เกาะพีพี อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ หาดนพรัตน์ธาราหมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ รวมเอา เกาะพีพีดอน พีพีเล เกาะยูง เกาะไผ่ เกาะเล็กเกาะน้อย และหาดนพรัตน์ธาราเอง เกาะพีพีมี การทำการท่องเที่ยวโดยภาคเอกชนจำนวนมากมานับเป็นเวลาหลายสิบปี  และเกาะพีพีเล ก็ให้ทำการท่องเที่ยวได้อย่างกว้างขวางยกเว้นไม่ให้มีการจัดการจัดสร้างที่ พักร้านอาหาร ส่วนเกาะยุง และเกาะไม้ไผ่มีการทำการท่องเที่ยวในรูปแบบอนุรักษ์ดำเนินการโดยอุทยานฯ และเกาะคู่หรือเกาะบิตะ เป็นแหล่งดำน้ำลึกแบบ SCUBA

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป กิจกรรมคือนอนอาบแดด ดำน้ำ ฟังเพลงตามผับบาร์ริมชายหาด บนเกาะพีพีเองมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ธนาคาร ร้านสะดวกซื้อ ร้านเบอร์เกอร์รี่ ร้านดำน้ำ ร้านอาหาร รีสอร์ททุกระดับ บนเกาะพีพี

 

 

ก่อนจะออกล่องเรือไปเที่ยวเกาะแก่งต่างๆ อันลือเลื่องของกระบี่ อาจลองพักผ่อนบนหาดสวยบนแผ่นดินใหญ่กันก่อน ดังเช่น หาดยาว ที่ตั้งอยู่ตรงตำบลตลิ่งชัน อำเภอเหนือคลอง ห่างจากตัวเมืองประมาณครึ่งชั่วโมง

ชายหาดของที่นี่ยาวสมชื่อ เพราะทอดยาวขนานกับท้องทะเลเป็นระยะทางถึง 8 กิโลเมตร และยังคงความบริสุทธิ์ สงบ มีทิวมะพร้าวโบกพลิ้วไปตามแรงลม ผืนทรายนั้นแม้จะไม่ได้เป็นสีขาวสะอาดตา แต่ก็เรียบเนียนสบายเท้า มีเปลือกหอยแปลกตาดารดาษโดยทั่ว แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของชายหาดที่ยังไม่ถูกควบกลืนไปกับความคึกคักจากกระแสศิวิไลซ์ เพราะรีสอร์ทที่ตั้งอยู่ในย่านนี้ให้ความสำคัญกับการดูแลธรรมชาติให้คงเดิมดังที่ผ่านมา

ความเงียบสงบคือสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องแสวงหาเมื่อมาที่หาดยาว คุณอาจเอนกายลงพักสายตาให้ไอเย็นจากสายลมทะเลดับความร้อนของเปลวแดด อ่านหนังสือเล่มโปรดหรือฟังเพลงชิลล์ๆ พลางชมวิวพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไปกับเกาะแก่งต่างๆ ที่ราวกับตั้งประดับให้มหาสมุทรดูไม่เคว้งคว้างว่างเปล่า

จึงน่าจะดีไม่น้อยหากได้สงบอกสงบใจ ผ่อนคลายให้เต็มอิ่มกับความงามของหาดยาว ก่อนออกไปท่องเที่ยวให้เต็มที่กับเกาะที่งดงามต่างๆ ของกระบี่ เพื่อให้รับความสุขเอิบอิ่มกันแบบทวีคูณ

‪#‎ขอบคุณภาพจาก‬ krabiall.com